คุณเคยสงสัยไหมว่า กลยุทธ์การทำการตลาดผ่านการโฆษณาแบบไหนที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจได้มากกว่ากัน เพราะการทำโฆษณามีหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาบนทีวี โฆษณาป้ายกลางแจ้ง โฆษณาสปอตวิทยุ โฆษณาบนอินเตอร์เน็ต และโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย อีกทั้งยังมีกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันไม่ว่าจะเป็น B2B และ B2C อีกด้วย แล้วอย่างนี้ เราจะใช้กลยุทธ์แบบไหนดีล่ะ?
วันนี้ Aday Marketing จะพาทุกคนไปรู้จักกับกลยุทธ์ Inbound และ Outbound Marketing พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อแตกต่างของ 2 กลยุทธ์นี้ให้ดูกัน
Outbound Marketing คืออะไร?
Outbound Marketing หรือ การตลาดแบบผลัก เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ใช้การกระจายสื่อไปยังคนจำนวนมาก เพื่อให้เกิดการมองเห็นโดยที่ไม่สนใจว่ากลุ่มเป้าหมายจะเป็นใคร จะสนใจสินค้าและบริการของเราหรือไม่ เช่น การทำสื่อแบบออฟไลน์ อย่างทีวี วิทยุ เทเลเซลล์ SMS หรือ ป้ายโฆษณากลางแจ้ง เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการตลาดแบบดั้งเดิม
หรือในปัจจุบันบนออนไลน์ก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้ได้ เช่น Display Ads ที่ใช้การกระจายโฆษณาไปยังจุดต่างๆบนเว็บไซต์ เพื่อสร้างให้คนมองเห็น หรือแม้แต่การทำ Facebook Ads ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ข้อดี – ข้อเสียของ Outbound Marketing
ข้อเสีย
- ยากในการติดตามผลตอบแทนจากการลงทุน ROI
- ต้นทุนสูง แต่ได้รับผลตอบแทนต่ำ
ข้อดี
- สามารถเข้าถึงคนได้จำนวนมาก
- สามารถสร้างการจดจำและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักได้มาก
Inbound Marketing คืออะไร?
Inbound Marketing หรือ การตลาดแบบดึงดูด เป็นกลยุทธ์การตลาดสำหรับการดึงดูดผู้บริโภค ซึ่งแปลง่ายๆว่า แทนที่เราจะส่งข้อความหาคนทั่วๆไปจำนวนมาก เราจะเลือกส่งข้อมูลให้กับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าเท่านั้น โดยคอนเทนต์หรือเนื้อหาที่จะใช้ดึงดูดลูกค้าเข้ามาคือ การสร้างสรรค์เนื้อหาที่ตอบโจทย์แก้ปัญหา หรือเสนอแนวทาง ความรู้
Attract – เปลี่ยนจากคนแปลกหน้า (Strangers) ให้เป็นคนรู้จัก (Prospects) ด้วย Inbound Marketing
Engage – เปลี่ยนจากคนรู้จัก (Prospects) ให้เป็นคนที่ซื้อ (Customers) ด้วย Inbound Sales
Delight – เปลี่ยนจากคนที่ซื้อ (Customers) ให้เป็นคนรู้ใจ (Promoter) ด้วย Inbound Service
แนวคิดการทำ Inbound marketing
Attract Tools: ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยเนื้อหาที่มีคุณค่า และการสนทนาที่น่าเชื่อถือ
- Blog
- Landing Pages
- Social Media
- SEO
- Content Strategy
- Ads
- Video
Engage Tools: นำเสนอข้อมูลเชิงลึกและแนวทางต่างๆในการแก้ไขและตอบโจทย์ต่อ Pain Points เพื่อให้เกิดโอกาสในการซื้อ
- Lead Generation
- CTAs
- A/B Testing
- Marketing Automation
- Chatbot
- Forms
- Live Chat
Delight Tools: ให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด
- Smart Content
- Email Marketing
- Conversation inbox
- Attribution Reporting
- Marketing Automation
- Campaign Reporting
- Website Traffic Analytics
ตัวอย่างการทำ Inbound
มาลีต้องการทำข้าวปั่นญี่ปุ่น > ไม่รู้จักวิธีการทำ > ค้นหา “วิธีการทำข้าวปั้นญี่ปุ่น” > พบ บทความ “วิธีทำข้าวปั้นญี่ปุ่นใน 10 นาที” > อ่านบทความพร้อมเห็นคำแนะนำใช้ข้าวญีปุ่นแบรนด์อะเดย์ > < แบรนด์ข้าวญี่ปุ่นอะเดย์ > เขียนบทความ วิธีทำข้าวปั้นญี่ปุ่นใน 10 นาที
ข้อดี – ข้อเสียของ Inbound Marketing
ข้อเสีย
- ใช้ระยะเวลานาน กว่าที่กลุ่มเป้าหมายจะค้นเจอ
- การแข่งขันสูง เพราะกลุ่มเป้าหมายมักจะเป็นประเภทเดียวกัน
ข้อดี
- สร้างฐานลูกค้าได้มั่นคง
- สร้างแบรนด์ได้ในระยะยาว
ความแตกต่างระหว่าง Inbound และ Outbound Marketing
INBOUND MARKETING
- ใช้คอนเทนต์เพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาหา
- ใช้ความต้องการ หรือ Pain Points ในการสร้างคอนเทนต์
- เป็นการสื่อสารแบบสองทาง
- สามารถตอบโต้กับกลุ่มเป้าหมายได้
- โฆษณาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์
- เครื่องมือต่างๆในการใช้ เช่น Website, Facebook, Line, SEO เป็นต้น
OUTBOUND MARKETING
- ใช้สื่อ เพื่อโฆษณากระจายไปยังคนที่เป็นลูกค้า
- สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เป็นความต้องการของแบรนด์
- เป็นการสื่อสารทางเดียว
- โฆษณาจะขัดจังหวะเวลาที่ลูกค้าเสพคอนเทนต์
- เครื่องมือสำหรับการทำ Outbound Marketing คือ Display Ads, In-Stream Video ฯลฯ
หลังจากอ่านบทความของ ADAY Marketing แล้วคงจะเข้าใจถึงการทำการตลาดแบบ INBOUND AND OUTBOUND MARKETING กันมากขึ้นแล้วใช่ไหมคะ หลายๆคนอาจจะเป็นกังวลว่าการใช้กลยุทธ์นี้จะยากจนเกินไป และต้องอาศัยเวลาและประสบการณ์ แต่ ADAY Marketing ของเรามีความเชี่ยวชาญในทำกลยุทธ์การสามารถทั้ง 2 แบบ ซึ่งจะทำให้คุณประสบความสำเร็จไปพร้อมกับเรา ปรึกษาเราได้เลยที่
.
Tel 096- 2474988 หรือ 063 – 6354451
LINE: @adaymarketing
EMAIL: adaymarketing1@gmail.com
.
จุดเริ่มต้นก้าวสำคัญของคุณ…ให้เราดูแลที่ ADAY Marketing
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://adaymarketing.com/
.
ที่มา